top of page

EP12: NC, Ceiling Height, Side Wall

NC (Noise Criteria) & RC (Room Criteria)

วันนี้มาทำความรู้จักกับค่าตัวเลขสำคัญสำหรับห้องดูหนังฟังเพลงอีกตัวหนึ่ง NC (Noise Criteria) หรือเราจะเรียกว่าค่าแสดงความเงียบภายในห้อง ซึ่งค่า NC นี้จะเป็นค่าที่เราจะวัดขณะที่ยังไม่ใช้งาน (ไม่มีคนอยู่) โดยมีการเปิดแอร์และใช้งานอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องนั้น ซึ่งค่า NC นี้จะเป็นตัวบอกเราว่าห้องที่เราใช้อยู่หรือทำขึ้นนั้นมีมาตราฐานสำหรับใช้งานตามเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งมาตราฐานที่เราใช้สำหรับห้องฟังเพลง จะมีค่า NC ที่เหมาะสม 15-25 และค่าระดับความดังภายในห้อง dBA: 25-35 โดยการวัดค่า NC จะมีมาตราฐานช่วงความถี่ที่เหมาะสมกับการใช้งานเป็นตัววัด โดยช่วงความถี่ที่ใช้จะอยู่ระหว่าง 63-8000 Hz. ในขณะที่การวัดด้วยค่า dBA นั้นจะเป็นการวัดค่าโดยการเฉลี่ยณความถี่ต่างๆ ดังนั้น มาตราฐานในการวัดค่าความเงียบของห้องโดยทั่วไปเราจะใช้ค่า NC (Noise Criteria) เป็นตัวกำหนดซึ่งจะสะท้อนมาตราฐานห้องนั้นๆได้ดีมากกว่า

โดยจากกราฟของค่า NC ระดับต่างๆค่าณค่าถี่ใดที่มีค่าสูงสุดแตะที่ตำแหน่งเส้น Curve ใดๆ เราก็จะกำหนดเป็นค่า NC ของห้องนั้น ซึ่งภายในห้องณ.ตำแหน่งต่างๆกันค่า NC ที่ได้ก็จะมีค่าที่ต่างกัน ดังนั้นเราควรที่จะวัดค่า NC หลายๆจุดภายในห้อง ซึ่งค่า NC ที่ได้แต่ละจุดในห้อง เราสามารถอ่านค่า และสามารถบ่งบอกถึงปัญหาหรือแหล่งที่มาของค่า NC ที่สูงเหล่านั้น เพื่อการแก้ไขต่อไปได้

Ceiling Height Impact.

ความสูงของห้องมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้หรือไม่?

วันนี้เราจะมาขยายความที่ว่าความสูงของห้องฟังเพลงหรือห้องโฮมเธียเตอร์นั้นจะมีผลหรือไม่นั้นต่อคุณภาพเสียงที่ได้หรือไม่ โดยทั่วไปมักจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันมากนัก แต่แท้ที่จริงแล้วสูงของห้องจะมีผลกระทบอย่างมากต่อคณภาพเสียงที่ได้ โดยเราจะมาดูผลลัพท์ที่เกิดขึ้นของ Pressure (Mode) ที่เกิดขึ้นณความถี่ต่างๆ โดยเฉพาะความถี่ต่ำ โดยเราจะวัดค่าพลังงานของความถี่ช่วง 20-200Hz ความสูงที่ต่างกันในแต่ละห้องโดยเราจะมาดูจากค่ากราฟ Pressure (Mode) ที่แนบด้านล่าง

โดยเราจะเปรียบกัน ที่ความสูง 2ค่าคือ ค่าความสูงโดยทั่วไปที่ 8ฟุต(2.40เมตร) เทียบกับห้องที่ขนาดความกว้าง,ยาวเหมือนกันกับห้องแรก แต่ต่างกันที่ความสูงโดยห้องที่สองจะมีตวามสูง 15ฟุต(4.57เมตร)

ผลลัพท์ที่ได้ของเส้นกราฟเส้นสีแดง (Axial Mode, Pressure): ซึ่งเกิดจากผนัง 2ด้านภายในห้อง (ซึ่งมักจะมีปริมาณสูงที่สุด), กราฟเส้นสีม่วง Tangential Mode เป็นpressure ของความถี่ที่เกิดจากผนัง 4 ด้าน ซึ่งจะมีขนาดและปริมาณน้อยกว่า Axial Mode (แต่จะมีปริมาณมากว่า Oblique: พลังงานที่เกิดจากผนัง 6ด้าน)

กราฟของห้องที่มีความสูง 8'นั้นจะเห็นการเกาะกลุ่มของ Axial และ Tangential Mode กันอย่างหนาแน่นไม่มีการกระจายตัว โดยเฉพาะช่วงความถี่ 100-200 Hz ในขณะที่กราฟค่าพลังงานของห้องที่มีความสูง 15' จะมีการกระจายตัวออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลให้คูณภาพของเสียงได้ หรือการที่เราจะเข้าไปปรับปรุงทำได้ง่ายและดีกว่า

โดยสรุปหากเราสามารถที่กำหนดหรือเลือกความสูงห้องได้ ให้เรากำหนดให้ห้องมีค่ามากกว่าความสูงโดยทั่วไป 8' จะส่งดีต่อคุณภาพเสียงที่ได้จากห้องนั้นๆ

Why Side Wall is so Important?

ทำไมผนังด้านข้างห้องจึงมีผลต่อคุณภาพของเสียงที่ดี (Good Sound) อย่างมากภายในห้อง?

เสียงดี (Good Sound) มีคุณสมบัติอย่างไร?

- เสียงที่เราได้ยินจะเกิดจากจากผสมผสานกันระหว่าง เสียงโดยตรง (Direct Sound) จากแหล่งกำเนิดเสียง (ลำโพง) กับเสียงที่ได้รับจากการสะท้อน (Reflected Sound) ของผนัง โดยเสียงที่ดีที่เกิดจากการผสมกันดังกล่าวจะมีลักษณะและคุณสมบัติดังนี้

- Soundstage: ขนาดของเวทีเสียงที่ดีที่เกิดขึ้นระหว่างลำโพงหรือขยายกว้างออกไปเกินตำแหน่งของลำโพงที่วางอยู่ เสมือนไม่มีลำโพงหรือแหล่งกำเนิดเสียงวางอยู่ตำแหน่งนั้นๆ

- Strong Center Image ตำแหน่งของเสียงร้องอยู่ตรงกึ่งกลางรวมทั้งความสูงของระดับของเสียงร้องที่ถูกต้องระหว่างลำโพง

- Instrument/ Vocal Separation การแยกชิ้นดนตรี, เสียงร้องออกจากกันที่ชัดเจน ทำให้เราสามารถสัมผัสความไพเราะของเสียงเพลงที่ได้บันทึกมา​

การสะท้อนของผนังด้านข้าง (Side Wall Reflections)

- การสะท้อนของผนังด้านข้าง (Side Wall) จะเกิดการสะท้อนในแนวระนาบ (Horizontal/ Lateral Domain) ซึ่งการสะท้อนดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อคุณภาพเสียงที่ดีในทุกๆด้านที่กล่าวข้างต้น Image Focus Separation & Definition. ซึ่งผลของความผสมผสานของ Direct Sound และ Reflected Sound ไม่เพียงกี่ millisecond (10ms-20ms) ก็มีผลอย่างมากต่อคุณภาพเสียงที่ได้รับ จากตารางด้านล่างจะเห็นผลกระทบของเสียงที่เกิดจากการสะท้อน (Reflected Sound) กับเสียงตรงจากแหล่งกำเนิด (Direct Sound) ณช่วงเวลาที่ต่างกัน โดยความต่างอยู่ระหว่าง 10-13ms. จะส่งผลต่อความชัดเจนของเสียงร้องหรือชิ้นดนตรี 13-16ms. จะส่งผลต่อการแยกช่องว่างหรือช่องไฟระหว่างชิ้นดนตรี และหากอยู่ระหว่าง 16-20ms. ก็จะส่งผลกระทบต่อง ความชัดเจน และรูปทรงของวงหรือชิ้นดนตรี

Call 

081-869-8200

Follow

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
bottom of page